กินปลา ลดความเสี่ยง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

FishMenu

กินปลา ลดความเสี่ยง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จริงหรือ?  เป็นคำถามที่หลายๆคนคงตั้งคำถาม ในการหาวิธีการดูแลสุขภาพ โดย โรคหัวใจ และหลอดเลือดเป็นโรค เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของทั้งคนไทยและของโลกทีเดียว จากข้อมูลทางสถิติของประเทศในสหรัฐอมเริกาพบว่า ประชาชนกว่า 2 ล้านคนมีปัญหาเกี่ยวกับ โรคหัวใจ และหลอดเลือดซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง ทั้งนี้การเกิดปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาระบบการหายใจด้วย ทำให้ต้องหายใจถี่ๆ และหอบ ส่งผลทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้

โดยเมื่อเร็วๆนี้ มีการรายงาน (19 กค. 2547)โดยนายแพทย์ Dariush Mozaffarian จากโรงพยาบาล Brigham and Women’s มหาวิทยาลัย Harvard Medical School ในเมืองบอสตัน ได้ตีพิพม์ผลการศึกษาวิจัยผลดีของการรับประทานปลาอบหรือย่างจะช่วยลดความ เสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
รายงานดังกล่าวได้พูดถึงประโยชน์ของการรับประทานปลา ว่าสามารถลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผิดปกติของ หัวใจ และหลอดเลือด รวมทั้งการเต้นที่ผิดปกติของ หัวใจ ทั้งนี้ก็ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานปลาในรูปแบบอบหรือย่าง ไม่ใช่การทอด เพราะการทอดจะไปเพิ่มปริมาณไขมันในอาหารให้เพิ่มสูงขึ้น

exercise-for-heart
ปกติหัวใจ ที่มี 4 ห้อง แทนที่ 2 ห้องล่าง ซึ่งมีหน้าที่บีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือดไปจะทำงานอย่างปกติ ก็อาจจะทำไม่ได้เนื่องจากอาจมีการอุดตันในหลอดเลือดเกิดขึ้นได้ และเหตุการณ์แบบนี้ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะ หัวใจล้มเหลว ได้ถึง 15-20%

คุณหมอได้ทำการศึกษาในคน 4,815 คนที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไปตั้งแต่ปี 1989 โดยคุณหมอพยายามเฝ้าสังเกตุและสอบถามเกี่ยวกับการรับประทานอาหารของคน ต่างๆ เหล่านี้ พบว่า คนที่รับประทานปลาที่ปรุงด้วยการย่างหรืออบบ่อยๆ จะมีโอกาสที่จะมีปัญหาของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดน้อยกว่า และยังพบอีกว่าคนที่รับประทาน 1-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะลดความเสี่ยงได้มากถึง 28% เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่รับประทานน้อยกว่าเดือนละครั้ง จึงกล่าวได้ว่าการ กินปลา ลดความเสี่ยง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้จริง

คุณหมอได้กล่าวต่ออีกว่า เหตุดังกล่าวน่าจะเป็นผลมาจากกรดไขมัน Omega-3 ที่มีมากในปลานั่นเอง ทั้งนี้กรดไขมันดังกล่าวนอกจากจะพบในปลาแล้วยังจะพบได้ในอาหารอื่นๆ เช่น wallnut ผักใบเขียว ซึ่งเจ้ากรดไขมัน Omega-3 นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดเท่านั้น มันยังช่วยบำรุงสมองให้มีการพัฒนาและทำงานได้ดีอีกด้วย

ขอบคุณบทควมดีๆ จาก นพ.มนชัย